ขนาดกล่องพัสดุ แต่ละไซส์มีขนาดเท่าไหร่ กว้าง ยาว สูง เท่าไหร่บ้าง

แน่ใจได้ยังไงว่ากล่องพัสดุที่คุณเลือกนั้นเหมาะกับของที่กำลังจะส่ง? คนส่งของจำนวนมากมักเจอปัญหาเรื่อง "ขนาดกล่องพัสดุ" ที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนาดกล่อง A, B, C, 2A, 2B หรือแม้แต่กล่องไซซ์ E ซึ่งแต่ละเบอร์ก็มีขนาดต่างกันอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีข้อมูลที่เข้าใจง่ายให้เราตัดสินใจได้ทันที

ทำให้หลายคนเลือกผิด ขนาดใหญ่เกินไปก็เปลืองค่าขนส่ง ขนาดเล็กไปก็เสี่ยงทำให้ของเสียหาย โดยเฉพาะหากคุณต้อง ส่งของไปต่างประเทศ ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องขนาด น้ำหนัก และมาตรฐานของปลายทางมากขึ้น แถมบางครั้งยังต้องอ้างอิงเงื่อนไขอย่าง Incoterm หรือ FOB อีกด้วย

ซึ่งล้วนมีผลกับต้นทุนและขั้นตอนการจัดส่งอย่างมาก บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจขนาดกล่องพัสดุแต่ละเบอร์ พร้อมข้อดีของการเลือกกล่องให้เหมาะกับของที่ต้องส่ง เพื่อให้การแพ็กของเป็นเรื่องง่ายในทุกครั้งที่จัดส่ง

ตารางไซส์ขนาดกล่องพัสดุ แต่ละแบบขนาดเท่าไหร่ ?

เพื่อให้คุณสามารถเลือก ขนาดกล่องพัสดุ ได้เหมาะสมกับของที่ต้องการจัดส่ง ลองดูตารางขนาดกล่องพัสดุเบื้องต้นต่อไปนี้ ซึ่งรวมทั้ง กล่องพัสดุขนาดเล็กไปจนถึงกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ครอบคลุมทุก ไซส์กล่องพัสดุ ยอดนิยมที่ใช้ในการส่งของไปต่างประเทศ

• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ A : 41 x 32 x 26 ซม.
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ B : 33 x 36 x 36 ซม.
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ C : 38 x 37 x 44 ซม.
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ D : 32 x 49 x 50 ซม.
  
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ E : 41 x 42 x 50 ซม.
  
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ F : 46 x 56 x 43 ซม.
  
• ขนาดกล่องพัสดุเบอร์ G : 51 x 42 x 68 ซม.

การเลือกขนาดกล่องพัสดุให้ถูกไซส์มีข้อดีอย่างไร

การเลือก ขนาดกล่องพัสดุ ที่เหมาะสมกับของที่ต้องการจัดส่งนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของความพอดี แต่ยังส่งผลดีต่อทั้งต้นทุนและความปลอดภัยในการขนส่งอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กล่องพัสดุขนาดใหญ่ หรือกล่องไซส์เล็ก การเลือกให้ตรงกับลักษณะของสินค้า มีข้อดีหลายอย่าง ได้แก่:

• ลดความเสียหายจากการเคลื่อนตัวของสินค้า เพราะของไม่กลิ้งไปมาภายในกล่อง ช่วยให้สินค้าถึงปลายทางอย่างปลอดภัย
  
• ประหยัดค่าวัสดุบรรจุภัณฑ์เสริม เช่น กระดาษกันกระแทก หรือฟองน้ำรองพื้น
  
• ช่วยประหยัดค่าขนส่ง โดยเฉพาะบริษัทขนส่งที่คำนวณจากขนาดหรือปริมาตรกล่อง
  
• จัดการพื้นที่ได้ง่ายขึ้น ทั้งในขั้นตอนแพ็กของ และการขนส่งแบบ drop off ตามจุดรับพัสดุต่าง ๆ
• ดูเป็นมืออาชีพ เพิ่มความประทับใจให้ลูกค้า โดยเฉพาะผู้ที่สั่งของทางออนไลน์

การเลือก ไซส์กล่องพัสดุ ให้เหมาะกับของไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดต้นทุน ยังช่วยให้ขั้นตอนการจัดส่งราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น เหมาะทั้งสำหรับผู้ส่งทั่วไปและร้านค้าออนไลน์

ขนาดกล่องพัสดุ ส่งผลต่อค่าส่งของไปต่างประเทศอย่างไร

หลายคนอาจไม่รู้ว่า การเลือก ขนาดกล่องพัสดุ ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเวลาส่งของไปต่างประเทศ อาจทำให้ค่าส่งเพิ่มขึ้นอย่างไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น หากของมีน้ำหนักเบาแต่คุณเลือกใช้ กล่องพัสดุขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ระบบจะคำนวณค่าส่งจาก “น้ำหนักปริมาตร” แทนที่จะเป็นน้ำหนักจริง ซึ่งทำให้ค่าขนส่งแพงขึ้นทันที 

“การคำนวณน้ำหนักปริมาตร (Volumetric Weight) จะใช้สูตร (กว้าง x ยาว x สูง) ÷ ค่าคงที่ (เช่น 5000 หรือ 6000 แล้วแต่บริษัทขนส่ง)”

นั่นหมายความว่าแม้ของจะเบา แต่ถ้ากล่องใหญ่ ค่าส่งก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย จึงควรเลือก ไซส์กล่องพัสดุ ให้พอดีกับสินค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น และนอกจากขนาดแล้ว อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดอื่น ๆ อย่าง HS Code ซึ่งมีผลต่อภาษีนำเข้า และขั้นตอนศุลกากรเช่นกัน

ถ้าคุณขายของหรือส่งของออกนอกประเทศบ่อย ๆ การรู้วิธีเลือกกล่องให้เหมาะสมและเข้าใจระบบค่าขนส่งอย่างถูกต้อง จะช่วยประหยัดได้ทั้งเวลาและต้นทุนในระยะยาว

เลือกขนาดกล่องพัสดุ ที่เหมาะสม ช่วยลดความเสียหาย ประหยัดค่าจัดส่ง

การเลือก ขนาดกล่องพัสดุ ให้ตรงกับขนาดสินค้า ไม่เพียงช่วยลดความเสียหายระหว่างขนส่ง แต่ยังประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งค่าวัสดุ ค่าขนส่ง และลดปัญหาเรื่องน้ำหนักปริมาตรที่ทำให้ค่าส่งของไปต่างประเทศพุ่งสูงโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ประกอบการออนไลน์ต้องคุมต้นทุนทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแพ็กสินค้า การส่งกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ไปยังปลายทางต่างประเทศ ไปจนถึงการคำนวณ ภาษีนำเข้า ที่อาจตามมา 

สำหรับใครที่มองหาผู้ช่วยด้านการขนส่งครบวงจร Aye Cargo คือทางเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยบริการครอบคลุมทั้งโลจิสติกส์ คลังสินค้า และระบบ Drop-off ที่เชื่อมต่อถึงกัน พร้อมทีมงานมืออาชีพที่ช่วยดูแลตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ayecargo.com/th/