อยากทำธุรกิจนำเข้า ต้องเสียภาษีนำเข้าอะไรบ้าง?

Last updated: 5 ก.ค. 2568  | 

ภาษีนำเข้า

ในยุคที่การค้าระหว่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าสินค้าจากจีน ยุโรป ส่งของไปต่างประเทศ หรือแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจนำเข้ากลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ แม้ดูน่าสนใจ แต่ ภาษีนำเข้า คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลต่อ ต้นทุนสินค้า และความคุ้มค่าทางธุรกิจ หากไม่เข้าใจให้ชัดเจน อาจเสี่ยงต่อปัญหาเรื่องเอกสาร ภาษีย้อนหลัง หรือสินค้าติดด่านศุลกากร

บทความนี้จะพาคุณรู้จักประเภทของภาษีนำเข้าที่ต้องรู้ว่าการนำเข้าสินค้าแต่ละครั้ง เสียภาษีอะไรบ้าง วิธีคำนวณเบื้องต้น และเคล็ดลับวางแผนให้นำเข้าได้คุ้มค่า ถูกต้อง และปลอดภัยในระยะยาว

ภาษีนำเข้า คืออะไร?

ภาษีนำเข้า คืออะไร

ภาษีนำเข้า (Import Duty) คือ ภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยอัตราภาษีนำเข้าคิดเป็นอัตราร้อยละของมูลค่าสินค้าหรือจำนวนตามปริมาณที่กำหนดไว้ตามพิกัดศุลกากร จุดประสงค์ของภาษีประเภทนี้ไม่ใช่แค่การเก็บเงินเข้ารัฐเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อเศรษฐกิจในหลายมิติ

ทำไมเราต้องจ่ายภาษีนำเข้า?

  1. ลดการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ
    ภาษีนำเข้าช่วยปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศจากสินค้านำเข้าราคาถูก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม หรือสินค้าทดแทนที่มีผลต่อผู้ประกอบการในประเทศ
  2. สร้างรายได้ให้กับภาครัฐ
    การจัดเก็บภาษีนำเข้าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะในประเทศที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ
  3. ควบคุมและจำกัดการนำเข้าสินค้าบางประเภท
    สินค้าบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ความปลอดภัย หรือเศรษฐกิจ หากปล่อยให้นำเข้าอย่างเสรี จึงต้องใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือควบคุม เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่มีสารอันตราย หรือสินค้าที่แข่งขันกับอุตสาหกรรมในประเทศโดยตรง

ภาษีนำเข้ามีอะไรบ้าง แต่ละแบบคำนวณยังไง?

นําเข้าสินค้า เสียภาษีอะไรบ้าง

เมื่อคุณนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ไม่เพียงแค่ต้องจ่าย “ภาษีนำเข้า” เท่านั้น แต่ยังมีภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องรู้ เพื่อให้สามารถวางแผนต้นทุนได้อย่างถูกต้อง มาดูกันว่ามีภาษีอะไรบ้าง และคำนวณอย่างไร

ภาษีศุลกากร (Import Duty)

ภาษีศุลกากร คือ เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศ คิดจาก มูลค่าของสินค้า (CIF) ซึ่งรวมราคาสินค้า + ค่าขนส่ง + ค่าประกันภัย

  • วิธีคำนวณ
    ภาษีศุลกากร = มูลค่าสินค้า CIF × อัตราภาษี (%)
  • ตัวอย่าง:
    ถ้านำเข้าสินค้า CIF 10,000 บาท และอัตราภาษี 10%
    → ภาษีศุลกากร = 10,000 × 10% = 1,000 บาท

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT – Value Added Tax)

ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มเติมจากราคาสินค้า + ภาษีศุลกากร โดยปัจจุบันอัตรา VAT อยู่ที่ 7% ในประเทศไทย

  • วิธีคำนวณ
    VAT = (มูลค่าสินค้า CIF + ภาษีศุลกากร + ภาษีสรรพสามิตถ้ามี) × 7%
  • ตัวอย่าง
    ถ้าค่า CIF = 10,000 บาท, ภาษีศุลกากร = 1,000 บาท
    → VAT = (10,000 + 1,000) × 7% = 770 บาท

ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax)

ภาษีสรรพสามิต คือ เป็นภาษีที่จัดเก็บกับสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มบรรจุขวด น้ำหอม ยานยนต์ ฯลฯ ตามกฎหมายสรรพสามิต

  • วิธีคำนวณ
    ภาษีสรรพสามิต = (มูลค่าสินค้า CIF + ภาษีศุลกากร) × อัตราภาษี (%)
  • อัตราภาษีขึ้นอยู่กับสินค้าประเภทนั้น ๆ เช่น สินค้าประเภทน้ำหอม อัตรา 10%
    → ถ้า CIF = 10,000, ภาษีศุลกากร = 1,000
    → ภาษีสรรพสามิต = (10,000 + 1,000) × 10% = 1,100 บาท

ภาษีเพื่อมหาดไทย (Interior Tax)

ภาษีเพื่อมหาดไทย คือ เป็นภาษีต่อเนื่องจากภาษีสรรพสามิต โดยคิดจากยอดภาษีสรรพสามิตที่ต้องชำระ นำส่งให้กระทรวงมหาดไทย

  • วิธีคำนวณ
    ภาษีเพื่อมหาดไทย = ภาษีสรรพสามิต × 10%
  • ตัวอย่าง: ภาษีสรรพสามิต = 1,100
    → ภาษีเพื่อมหาดไทย = 1,100 × 10% = 110 บาท

ตัวอย่างการคำนวณภาษีนำเข้า แบบเข้าใจง่าย

เพื่อให้คุณเข้าใจการคำนวณภาษีนำเข้าชัดเจนขึ้น เราลองมาดูสถานการณ์สมมติในการคำนวณภาษีนำเข้า เครื่องใช้ไฟฟ้า จากต่างประเทศดังนี้

สมมติว่า คุณต้องการนำเข้า “เครื่องปั่นน้ำผลไม้” จากญี่ปุ่น จำนวน 50 เครื่อง มูลค่าสินค้า (CIF) รวม 50,000 บาท และอัตราภาษีศุลกากรของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทนี้อยู่ที่ 10%

ขั้นตอนการคำนวณภาษีนำเข้า

  • คำนวณภาษีศุลกากร (Import Duty)
    = มูลค่าสินค้า x อัตราภาษีศุลกากร
    = 50,000 x 10% = 5,000 บาท
  • คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
    VAT จะคิดจากมูลค่าสินค้า + ภาษีศุลกากร
    = (50,000 + 5,000) x 7% = 3,850 บาท
  • รวมภาระภาษีนำเข้า
    = ภาษีศุลกากร + VAT
    = 5,000 + 3,850 = 8,850 บาท

จากตัวอย่างนี้ คุณจะต้องจ่ายภาษีนำเข้ารวม 8,850 บาท เมื่อสินค้ามาถึงประเทศไทย และนี่คือต้นทุนภาษีสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องนำมาคำนวณเพื่อกำหนดราคาขาย และวางแผนการทำธุรกิจนำเข้าของคุณอย่างรอบคอบ

สินค้าแต่ละประเภท เสียอากรกี่เปอร์เซ็นต์

การคำนวณอัตราภาษีนำเข้าจะขึ้นอยู่กับ ประเภทของสินค้าที่คุณนำเข้า และกำหนดโดย HS Code หรือ พิกัดศุลกากร ที่ใช้จำแนกสินค้านั้น ๆ ซึ่ง HS Code คือรหัสสากลที่ใช้เพื่อระบุชนิดของสินค้าแต่ละประเภท ทั้งเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร หรืออุปกรณ์อุตสาหกรรม การรู้ HS Code ที่ถูกต้องจึงสำคัญอย่างมากในการกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่คุณต้องจ่าย

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราภาษีนำเข้าของแต่ละประเภทสินค้ามีดังนี้

  • ประเภทของผลิตภัณฑ์และการใช้/ฟังก์ชัน (HS Codes)
    สินค้าที่จัดอยู่ในกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องสำอาง อาหาร หรืออะไหล่อุตสาหกรรม จะมีอัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกัน โดยภาษีศุลกากรทั่วไปคำนวณจากพิกัด HS Code ที่กรมศุลกากรกำหนด
  • ข้อตกลงทางการค้า
    ถ้าประเทศผู้ส่งออกอยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เช่น อาเซียน-จีน อาเซียน-เกาหลี ก็สามารถขอลดหย่อนอัตราภาษีศุลกากรสำหรับบางประเภทสินค้าได้
  • โควตาการนำเข้าประเทศผู้ส่งออก
    ในบางกรณี ถ้ามีโควตานำเข้าสินค้า เช่น ข้าว น้ำตาล หรือเนื้อสัตว์ จะช่วยกำหนดปริมาณและอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าในแต่ละปี
  • ราคาขนส่ง (Freight)
    มูลค่าสินค้าที่ใช้คำนวณภาษีศุลกากรจะอ้างอิงจาก CIF (Cost + Insurance + Freight) ซึ่งรวมค่าขนส่งและประกันภัยแล้ว ยิ่งค่าส่งสูง ภาระภาษีก็จะสูงขึ้นไปด้วย

หากคุณต้องการทราบอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่ต้องการ สามารถค้นหาด้วย HS Code คืออะไร และตรวจสอบกับกรมศุลกากรเพื่อความมั่นใจ หรือดูวิธีการคำนวณเพิ่มเติมได้จากบทความเกี่ยวกับ ขนาดกล่องพัสดุ ที่เกี่ยวข้องในการคำนวณน้ำหนักและขนาดในการขนส่งอย่างถูกต้อง

สรุปใจความสำคัญเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้า

การทำธุรกิจนำเข้า สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องเข้าใจให้ชัดเจนก็คือ ภาษีนำเข้า ซึ่งมีหลายประเภท ทั้งภาษีศุลกากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอาจรวมถึงภาษีสรรพสามิต ทั้งหมดนี้คำนวณจากมูลค่าสินค้าและค่าขนส่ง ตามหลัก Incoterm ที่กำหนดข้อตกลงการส่งมอบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ตัวอย่างเช่น FOB คือ เงื่อนไขการซื้อขายที่ผู้ขายรับผิดชอบการขนของจนถึงบนเรือ และผู้ซื้อจัดการการขนส่งต่อจากนั้น ทั้งนี้การจัดการเอกสารและการขนส่งอย่างถูกวิธี รวมถึงการเลือกวิธีการขนส่งอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ Drop Off คือ การนำพัสดุไปฝากจุดบริการก่อนจัดส่งออกนอกประเทศ ล้วนช่วยให้การนำเข้าสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น

Aye Cargo เราพร้อมให้คำปรึกษาครบวงจร ทั้งการคำนวณภาษีส่งออก การจัดทำเอกสาร และการเลือกวิธีการจัดส่งที่คุ้มค่า ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นทำธุรกิจหรือผู้นำเข้ามืออาชีพ ทีมงานของเรายินดีดูแลทุกขั้นตอน เพื่อสินค้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและตรงเวลา

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้