Last updated: 3 ก.ค. 2568 |
หากคุณกำลังวางแผน ส่งของไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการค้าระหว่างประเทศเพื่อธุรกิจ หรือการส่งพัสดุส่วนตัว หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ พิกัดศุลกากร หรือ HS Code (Harmonized System Code) เพราะรหัสตัวนี้เปรียบเสมือนบัตรประจำตัวของสินค้า ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถระบุประเภทสินค้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อขั้นตอนการนำเข้า–ส่งออก การคิดภาษีนำเข้า รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของประเทศปลายทาง
HS Code (Harmonized System Code) คือรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้จำแนกประเภทสินค้าในการค้าระหว่างประเทศ จัดทำโดยองค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) เพื่อให้ทุกประเทศใช้เป็นภาษากลางในการระบุชนิดสินค้า HS Code จะประกอบด้วยตัวเลข 6 หลักหลักที่เหมือนกันทั่วโลก และในแต่ละประเทศสามารถเพิ่มตัวเลขต่อท้าย (เช่น 8 หลัก หรือ 11 หลัก) เพื่อใช้ระบุรายละเอียดเฉพาะของสินค้านั้นๆ ตามกฎระเบียบภายในประเทศ
การใช้ HS Code จะถูกใช้ในการจัดทำเอกสารศุลกากร การคำนวณภาษีอากรและค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงช่วยให้การตรวจสอบสินค้าของเจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ หากระบุ HS Code ผิดพลาด อาจทำให้การนำเข้าส่งออกติดปัญหา เช่น สินค้าถูกกัก ล่าช้า หรือถูกเรียกเก็บภาษีไม่ถูกต้องตามประเภทของสินค้า
ตัวอย่าง HS Code เช่น
โดยรหัสแต่ละตัวเลขใน HS Code จะบอกข้อมูลลำดับชั้นของสินค้า ตั้งแต่หมวดหลัก กลุ่มย่อย ไปจนถึงรายละเอียดเฉพาะ การทำความเข้าใจ HS Code คืออะไร จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกต้องรู้ เพื่อให้การ ส่งของไปต่างประเทศ เป็นไปอย่างปลอดภัย ถูกต้อง และคุ้มค่าต้นทุนที่สุด
HS Code มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการนำเข้าและส่งออกสินค้า เพราะเป็นรหัสมาตรฐานที่ใช้ระบุประเภทสินค้าได้อย่างชัดเจนและเป็นสากล ช่วยให้หน่วยงานศุลกากรของแต่ละประเทศสามารถตรวจสอบ ประเมินภาษีอากร และใช้บังคับกฎระเบียบได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการ ส่งของไปต่างประเทศ การระบุ HS Code ที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนศุลกากร
ความสำคัญหลักของ HS Code มีดังนี้
หลายคนที่ต้องการ ส่งของไปต่างประเทศ มักสงสัยว่า HS Code ในแต่ละประเทศเหมือนกันหรือไม่ คำตอบคือ เหมือนกันในระดับสากลเพียง 6 หลักแรก ซึ่งกำหนดโดยองค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) เพื่อใช้เป็นมาตรฐานกลางในการจำแนกประเภทสินค้า สินค้าชนิดเดียวกันจึงมีรหัส 6 หลักแรกที่ตรงกันทั่วโลก เช่น โทรศัพท์มือถือจะใช้รหัส 8517.12 ไม่ว่าจะส่งไปประเทศใด
แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือ หลักเพิ่มเติมหลังจาก 6 หลักแรก ซึ่งแต่ละประเทศสามารถกำหนดเองได้ตามความต้องการและกฎระเบียบท้องถิ่น หลักต่อท้ายนี้อาจเพิ่มเป็น 8 หลัก 10 หลัก หรือ 11 หลัก เพื่อระบุรายละเอียดเฉพาะของสินค้า เช่น วัสดุที่ใช้ ลักษณะการใช้งาน หรือคุณสมบัติพิเศษ และรหัสเหล่านี้ยังถูกนำไปใช้ในการคำนวณ ภาษีนำเข้า ให้ถูกต้องตามประเภทสินค้านั้นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น สินค้าชนิดเดียวกัน หากส่งไปยังสหรัฐอเมริกา จีน หรือญี่ปุ่น อาจใช้รหัสเพิ่มเติมต่างกันในหลักที่ 7 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ภายในประเทศนั้นๆ ผู้ส่งออกจึงควรตรวจสอบ HS Code ของประเทศปลายทางให้แม่นยำก่อนจัดทำเอกสาร เพื่อป้องกันปัญหาการชำระ ภาษีนำเข้า ผิดพลาด หรือสินค้าถูกกักที่ศุลกากร
ดังนั้น การเข้าใจโครงสร้าง HS Code และตรวจสอบรหัสให้ถูกต้องตามประเทศปลายทาง จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการส่งของไปต่างประเทศอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย
การระบุ HS Code ให้ถูกต้องไม่เพียงช่วยให้สินค้าผ่านด่านศุลกากรได้ง่ายขึ้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการประเมิน ภาษีนำเข้า และการเตรียมเอกสารที่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อจัดส่งสินค้าที่ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายตาม ขนาดกล่องพัสดุ และน้ำหนักสินค้า การเข้าใจโครงสร้างตัวเลข 11 หลักของ HS Code จึงเป็นสิ่งสำคัญ
โครงสร้างตัวเลข 11 หลักของ HS Code โดยทั่วไป แบ่งความหมายได้ดังนี้
8517.12.00.000 → โทรศัพท์มือถือ
ดังนั้น หากคุณต้องการส่งสินค้าการรู้และตรวจสอบ HS Code 11 หลัก ให้ถูกต้องตามประเทศปลายทางจะช่วยให้คุณจัดการการส่งออกได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาภาษี หรือความล่าช้าในการผ่านศุลกากร
การตรวจสอบ HS Code จะกำหนดอัตราภาษีและเงื่อนไขการส่งออก-นำเข้าของสินค้านั้น ๆ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า HS Code หาจากไหน? และต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้มั่นใจว่ารหัสพิกัดศุลกากรถูกต้อง
เพื่อให้คุณตรวจสอบ HS Code ได้อย่างแม่นยำ เราได้รวบรวม 5 วิธีการเช็ค HS CODE ที่คุณสามารถทำตามได้ง่าย ๆ และมั่นใจได้ว่าข้อมูลตรงกับประเภทสินค้าที่คุณต้องการส่งออกอย่างแน่นอน
HS Code คือ พิกัดศุลกากรที่ใช้จำแนกประเภทสินค้าในการนำเข้าและส่งออก ซึ่งเป็นรหัสมาตรฐานสากลที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการส่งของไปต่างประเทศเพราะมีผลต่อการคำนวณ ภาษีนำเข้า การทำเอกสารศุลกากร และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ โดย HS Code 6 หลักแรกจะเหมือนกันทั่วโลก ส่วนหลักถัดไปจะเป็นรหัสเพิ่มเติมที่แต่ละประเทศกำหนดเอง การทำความเข้าใจ HS Code จึงควรคู่กับการรู้จักเงื่อนไขการค้าระหว่างประเทศ เช่น Incoterm และต้องรู้รูปแบบการส่งออกแบบว่า FOB คืออะไร เพื่อให้จัดการขั้นตอนการส่งออกได้ครบถ้วน
หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยในการส่งออก AYE CARGO พร้อมให้คำแนะนำการตรวจสอบ HS Code การคำนวณภาษี การเตรียมเอกสาร Incoterm ทุกประเภท และบริการ Drop Off ที่ครบวงจร ให้การส่งออกของคุณเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และถูกต้องในทุกขั้นตอน